ข่าวฮอต
ติดตาม

แฉประวัติเปาเกมอินเตอร์พ่ายลิเวอร์พูล เคยพัวพันคดีล้มบอลจนโดนแบนยาว 6 เดือน


12 ธันวาคม – สื่อดังอย่าง "กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต" รายงานว่า เฟลิกซ์ ซวาเยอร์ ผู้ตัดสินในเกมที่ อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านแพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 เคยมีประวัติพัวพันกับการล้มบอลจนถูกสั่งแบนมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ จูเซปเป้ มาร็อตต้า และผู้บริหารระดับสูงของอินเตอร์ต้องนำประวัติของเขามาตรวจสอบอย่างละเอียด

ในเกมที่ อินเตอร์ มิลาน พ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล 0-1 นั้น ผู้ตัดสิน ซวาเยอร์ ได้มอบจุดโทษที่เป็นข้อกังขาให้กับฝั่งลิเวอร์พูล ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บทบาทของผู้ตัดสิน VAR อย่าง สโตคส์ ก็ถูกตั้งคำถามเช่นกัน โดยหลายฝ่ายมองว่าเขาไม่ควรเข้ามาแทรกแซงการตัดสินในจังหวะดังกล่าว

ฝ่ายบริหารของอินเตอร์ โดยเฉพาะประธานสโมสร จูเซปเป้ มาร็อตต้า ได้ประท้วงการทำหน้าที่ของ ซวาเยอร์ อย่างจริงจัง โดยวิจารณ์ว่าผู้ตัดสินขาดบุคลิกภาพที่เด็ดขาด และควรจะตัดสินใจด้วยตนเองแทนที่จะปล่อยให้ VAR เข้ามาบงการ ซึ่งทาง ยูฟ่า เองก็เห็นด้วยกับมุมมองนี้ว่าการฟาวล์ในลักษณะดังกล่าวควรเป็นดุลยพินิจของกรรมการในสนาม ไม่ใช่หน้าที่ของ VAR ดังนั้นความผิดพลาดจึงตกไปอยู่ที่ผู้ตัดสิน VAR ที่เข้ามายุ่งในเรื่องที่ไม่ควร เมื่อ ซวาเยอร์ ถูกเรียกไปดูจอภาพและเห็นภาพการดึงเสื้อของ เวียร์ตซ์ ที่ยืดออกไปราว 30 เซนติเมตร การเป่าจุดโทษจึงแทบจะเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า VAR เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดคำตัดสินนี้

ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันในประเด็นหนึ่ง นั่นคือพฤติกรรมการพุ่งล้มหรือการแสดงท่าทางที่เกินจริงของนักเตะจะต้องถูกยับยั้งและลงโทษ แม้ว่า เวียร์ตซ์ จะถูกดึงเสื้อจริง แต่การที่เขาทิ้งตัวลงราวกับถูกกระแทกอย่างรุนแรงนั้น เป็นการแสดงละครที่ทำให้ผู้ตัดสินเพื่อนร่วมชาติชาวเยอรมันหลงกล ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างชัดเจน

ความตกตะลึงของทางฝั่งอินเตอร์ต่อเหตุการณ์นี้ไม่ได้ลดน้อยลงเลย แม้เวลาจะผ่านไป โดยในช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้นหลังจบเกม มาร็อตต้า และ ปิเอโร่ ออซิลิโอ ผู้อำนวยการกีฬา ได้นำประวัติการทำงานของ ซวาเยอร์ มาศึกษาอย่างละเอียด การกระทำนี้ไม่ได้เกิดจากการตั้งแง่เรื่องความยุติธรรมเพียงฝ่ายเดียว เพราะในเกมดังกล่าวฝั่งลิเวอร์พูลเองก็รู้สึกไม่พอใจในบางคำตัดสิน เช่น จังหวะที่ประตูของ โกนาเต้ ถูกริบคืน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือการที่ประวัติอันด่างพร้อยของ ซวาเยอร์ ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง เขาเคยถูกแบนเมื่อกว่า 20 ปีก่อน สมัยที่ยังเป็นไลน์แมนดาวรุ่งในลีกระดับล่าง ซวาเยอร์ เคยรับสินบนจำนวน 300 ยูโร จากผู้ตัดสิน โรเบิร์ต ฮอยเซอร์ ในเกมลีกระดับล่างของเยอรมนีระหว่าง วุปเปอร์ทัล กับ เบรเมน ทีมสำรอง เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2004 ซวาเยอร์ ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ทันที แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะมอบตัวและช่วยเปิดโปงขบวนการของ ฮอยเซอร์ ทำให้รอดพ้นจากการถูกแบนตลอดชีวิต ซึ่งเรื่องราวนี้ถูกปกปิดไว้นานก่อนจะถูกสื่อนำมาเปิดเผยในภายหลัง

เห็นได้ชัดว่า ซวาเยอร์ พยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ทางวิชาชีพและกลับสู่เวทีลูกหนังระดับโลก มิเช่นนั้น ยูฟ่า คงไม่ไว้วางใจให้เขาตัดสินเกมสำคัญเช่นนี้ แต่กระนั้น เขาก็ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ ในปี 2016 รูดี โฟลเลอร์ ผู้อำนวยการเลเวอร์คูเซ่น เคยประท้วงเขาอย่างเปิดเผยจากจังหวะประตูเจ้าปัญหาของ โอบาเมยอง และในปี 2021 เกมที่ ดอร์ทมุนด์ พบ บาเยิร์น ซวาเยอร์ ก็ถูกวิจารณ์หนักที่ไม่ให้จุดโทษแก่ดอร์ทมุนด์ โดย จู๊ด เบลลิงแฮม ซึ่งค้าแข้งกับดอร์ทมุนด์ในขณะนั้น ได้ให้สัมภาษณ์อย่างเผ็ดร้อนว่า "ถ้าคุณเอาผู้ตัดสินที่เคยมีคดีล้มบอลมาตัดสินเกมที่ใหญ่ที่สุดในลีก คุณจะคาดหวังอะไรได้อีก?"

นอกจากตัวผู้ตัดสินหลักอย่าง ซวาเยอร์ แล้ว ผู้ตัดสิน VAR อย่าง สโตคส์ ก็มีประวัติที่เป็นข้อกังขาเช่นกัน ในฤดูกาลก่อนหน้านี้เกมที่ ปอร์โต้ พบ โรม่า เขาในฐานะผู้ตัดสิน VAR ถูก เคลาดิโอ รานิเอรี่ วิจารณ์อย่างรุนแรงที่ไม่แก้ไขข้อผิดพลาดของผู้ตัดสินในสนาม และในเกมเพลย์ออฟ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้วระหว่าง ยูเวนตุส กับ พีเอสวี เขาก็ไม่ได้แย้งให้จุดโทษแก่ยูเวนตุส จนสร้างความไม่พอใจให้กับทัพม้าลายมาแล้ว

คอมเมนต์

โพสต์