tips พรีวิว
ติดตาม

พรีวิว UCL | "ม้ามืดอาเซอร์ไบจาน" คาราบัคคัมแบ็ก "สิงห์บลูส์" เชลซี! ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นซ้ำรอย หรือสิงห์บลูส์จะเก็บสามแต้ม


การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4 จะมีเกมสำคัญที่น่าจับตามองในวันอังคารที่ 5พฤศจิกายน เวลา 00:45 น. (เวลาประเทศไทย) โดย "ม้ามืด" อย่าง คาราบัค จากอาเซอร์ไบจาน จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก เชลซี


สำหรับคาราบัค นี่คือการต่อสู้ที่แบกรับศักดิ์ศรีของประเทศและประวัติศาสตร์สโมสรไว้บนบ่า ส่วนเชลซีต้องพยายามคว้าสามแต้มสำคัญในฐานะทีมเยือน เพื่อรักษาความได้เปรียบในกลุ่ม แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤตอาการบาดเจ็บของผู้เล่นก็ตาม


คาราบัค: เรื่องราวอันน่าทึ่งของผู้ท้าชิง

เส้นทางในแชมเปียนส์ ลีก ของคาราบัคเปรียบได้กับมหากาพย์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ทีมที่มีมูลค่ารวมทั้งทีมเพียง 24 ล้านยูโร ได้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการฟุตบอลในเกมนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการบุกไปเยือนลิสบอน และสามารถพลิกแซงจากที่ตามหลัง 0-2 กลับมาเอาชนะเบนฟิก้าที่มีมูลค่าทีมถึง 340 ล้านยูโร ไปได้ 3-2 คว้าชัยชนะครั้งแรกในประวัติศาสตร์รอบแบ่งกลุ่ม UCL ได้สำเร็จ ชัยชนะนี้ไม่เพียงแต่ยุติการรอคอย 38 ปีของวงการฟุตบอลอาเซอร์ไบจานเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ของพวกเขาอีกด้วย


สิ่งที่น่าสนใจคือ คาราบัคเคยอยู่กลุ่มเดียวกับเชลซีมาแล้วในฤดูกาล 2017-18 แม้จะจบด้วยอันดับสุดท้าย (0 ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้) แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงแนวรับที่แข็งแกร่งในการพบกับเชลซีทั้งสองนัด ปัจจุบันภายใต้การนำของกุนซือ กูลบานอฟ พวกเขาได้พัฒนาระบบการเล่นแบบ 5-3-2 เน้นรับและโต้กลับ ที่มีความเฉียบคมมากขึ้น โดยเฉพาะการเติมเกมรุกของวิงแบ็กและลูกตั้งเตะที่กลายเป็นอาวุธสำคัญ แนวรุกอย่าง เลอันโดร และ โอเล็กซี ทำไปแล้ว 4 ประตูใน UCL ฤดูกาลนี้ ถือเป็นประสิทธิภาพที่น่าจับตา


เชลซี: วิกฤตผู้เล่นบาดเจ็บและบททดสอบของกุนซือ

แม้ว่าเชลซีจะเพิ่งเก็บชัยชนะมาสองนัดติดต่อกัน รวมถึงการถล่มอาแจ็กซ์ 5-1 ใน UCL แต่วิกฤตอาการบาดเจ็บก็ยังคงกัดกินทีม แนวรับต้องเจอปัญหาหนักเมื่อ โคลวิลล์ กองหลังตัวหลักบาดเจ็บที่เข่าต้องพักยาวทั้งฤดูกาล และ บาเดียชิล มีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อพักยาวจนถึงเดือนธันวาคม การขาดหายไปของสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทำให้แนวรับของทีมต้องปรับทัพกันอย่างทุลักทุเล


ส่วนเกมรุกก็ประสบปัญหาไม่แพ้กัน โคล พาลเมอร์ กองกลางตัวสร้างสรรค์เกมต้องพักยาวถึง 9 นัดติดต่อกันจากอาการบาดเจ็บขาหนีบ คาดว่าจะกลับมาในเดือนธันวาคม เช่นเดียวกับ มูดริค ที่ติดโทษแบนในนัดนี้ ทำให้แนวรุกที่พึ่งพาการทะลุทะลวงส่วนตัวของเชลซีขาดกำลังสำคัญไปสองราย ผู้จัดการทีม มาเรสก้า จึงต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบครั้งใหญ่ในการจัดทัพว่าจะรักษาความเหนียวแน่นในแนวรับพร้อมทั้งกระตุ้นเกมรุกได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์และความสามารถของเชลซีในฐานะทีมใหญ่ หากสามารถคุมเกมด้วยการครองบอลและกดดันแนวรับคู่แข่งได้ พวกเขาก็ยังคงมีโอกาสที่จะควบคุมจังหวะของเกมได้


สามปัจจัยชี้ขาดผลการแข่งขัน

ผลแพ้ชนะของเกมนี้อาจจะถูกตัดสินด้วย 3 ปัจจัยหลัก:

อิทธิพลจากบรรยากาศในสนามเหย้า: แม้จะไม่ใช่สนามเดิมของคาราบัค แต่การสนับสนุนอย่างบ้าคลั่งของแฟนบอลกว่า 50,000 คนในบาตู ก็สามารถสร้างบรรยากาศ "สนามนรก" ที่จะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ของคาราบัคได้อย่างแน่นอน


การดวลกันทางแท็กติก: แผนรับและโต้กลับของ กูลบานอฟ จะสามารถเจาะแนวรับที่อ่อนแอของเชลซีได้หรือไม่? และ มาเรสก้า จะปรับรูปเกมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนเกมเร็วของคู่แข่งอย่างไร? การสั่งการของโค้ชทั้งสองจะส่งผลโดยตรงต่อทิศทางของเกม


ฟอร์มของผู้เล่นคนสำคัญ: ฝั่งคาราบัค โอเล็กซี ฮีโร่ผู้ยิงประตูชัยเหนือเบนฟิก้า จะรักษาฟอร์มการทำประตูได้ต่อเนื่องหรือไม่? ขณะที่เชลซีต้องการให้กองหน้าอย่าง สเตอร์ลิ่ง และ แจ็คสัน ก้าวขึ้นมารับผิดชอบในการทำประตู


สถานการณ์กลุ่มและเดิมพันที่สูง

ปัจจุบันเชลซีมี 6 คะแนน รั้งอันดับสองของกลุ่ม ขณะที่คาราบัคมี 3 คะแนน อยู่อันดับสาม ผลการแข่งขันในนัดนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการลุ้นเข้ารอบ หากคาราบัคสามารถยันเสมอหรือแม้กระทั่งเอาชนะเชลซีได้ พวกเขาจะสามารถลดช่องว่างกับสองทีมนำ และเพิ่มความหวังในการผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเชลซีต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่พลาดท่าให้กับทีมรองบ่อน การชนะในเกมเยือนนี้จะช่วยให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในกลุ่ม


เมื่อม้ามืดผู้สร้างแรงบันดาลใจโคจรมาพบกับยักษ์ใหญ่ที่กำลังเผชิญวิกฤตอาการบาดเจ็บ เมื่อความมุ่งมั่นชนเข้ากับปัญหาอุปสรรค การแข่งขัน UCL นัดนี้ที่ข้ามทวีปยุโรปและเอเชียไปมาจึงเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าติดตามอย่างแน่นอน! คาราบัคจะสานต่อปาฏิหาริย์ หรือเชลซีจะคว้าสามแต้มกลับไป? เรามาติดตามชมกันค่ะ

คอมเมนต์

โพสต์